• บทความ

    การวัดสีผสมอาหาร

              สีมีอิทธิพลต่อการรับรู้รสชาติของผู้บริโภค ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการเติมสีหรือสารปรุงแต่งลงในอาหารเพื่อให้ดูน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในกลุ่มของยาและเครื่องสำอางค์ สีผสมอาหารแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สีผสมอาหารแบบสังเคราะห์ และสีจากธรรมชาติ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับสีผสมอาหารแบบสังเคราะห์ ผู้ผลิตอาหารจึงต้องการเปลี่ยนมาใช้สีธรรมชาติ อย่างไรก็ตามสารให้สีจากธรรมชาติโดยทั่วไปนั้นมาจากผักและผลไม้ ซึ่งมีสีสันสดใสน้อยกว่าและมีราคาแพง เพื่อให้ได้เฉดสีที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ต้องใช้สีจากธรรมชาติในปริมาณที่สูงกว่าสีผสมอาหารแบบสังเคราะห์ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนการผลิต การใช้สีผสมอาหารในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้กลบกลิ่นและรสชาติของอาหารที่ต้องการอีกด้วย เครื่องวัดสีจะเป็นประโยชน์ในการลดปริมาณการใช้สีผสมอาหาร หรือทำให้ใช้ในปริมาณที่พอดี เพื่อให้ได้สีที่ต้องการโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้สีธรรมชาติปริมาณมากเกินไป           สีธรรมชาติมีหลายรูปแบบ เช่น ผง ของเหลว หรือของเหลวหนืด ซึ่งแต่ละรูปแบบต้องใช้โหมดการวัดเฉพาะให้เหมาะกับตัวอย่าง ทั้งการวัดแบบสะท้อนแสงและการวัดแบบส่องผ่าน เพื่อให้ได้ข้อมูลสีที่แม่นยำและวัดซ้ำได้ เครื่องมือวัดสีรุ่น Konica Minolta Spectrophotometer CM-5 สามารถวัดได้ทั้ง 2 แบบ คือการวัดแบบการสะท้อนแสง และการวัดแบบส่องผ่าน เป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตในการทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือปรับสูตรใหม่ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมที่หลากหลายเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตทำการวัดสีได้อย่างง่ายและครอบคลุมทุกรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการวัดมาดูกันว่า CM-5 วัดอะไรได้บ้าง คลิก     หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีและแสงของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีและแสงของเรา      ให้เราช่วยคุณในการเลือกวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในการวัดของคุณสามารถติดต่อเพื่อข้อมูลหรือคำแนะในการกำหนดขั้นตอนการวัดค่าสีและแสงเพิ่มเติมได้ที่…

  • บทความ

    การประเมินอายุการเก็บรักษา (Shelf life) ของผลิตภัณฑ์อาหารโดยใช้เครื่องวัดสี

    อาหารทุกประเภทมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเคมีและชีวภาพในระหว่างการแปรรูปหรือการเก็บรักษา ซึ่งทางผู้ผลิตจำเป็นต้องควบคุมตัวแปรต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาอย่างเหมาะสม  เพื่อให้ได้คุณภาพตรงตามที่ต้องการ และปฏิกิริยาต่างๆในอาหารที่เกิดขึ้นระหว่างการแปรรูปและการเก็บรักษาจะเกิดขึ้นด้วยอัตราที่แตกต่างกัน ปัจจัยที่ต้องพิจารณาปฏิกิริยาต่างๆ ที่สามารถทำให้อาหารเสื่อมสภาพ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางเคมี เช่น การเกิดออกซิเดชั่น ปฏิกิริยาการเกิดน้ำตาล การเปลี่ยนแปลงทางจุลินทรีย์ เช่น การเกิดรสหรือกลิ่นที่ผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น การเปลี่ยนสี การแยกชั้นของครีม รูปร่างหน้าตาของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างการเก็บข้อมูลค่าสีเพื่อประเมินอายุการเก็บรักษาของชาผงโดย บรรจุชาผงลงในซองอลูมิเนียมฟอยล์หรือบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทแบบสูญญากาศ เก็บที่อุณหภูมิ 35, 45 และ 55 องศาเซลเซียส ทำการสุ่มวัดทุกๆ 5 วันเป็นระยะเวลา 60 วัน เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของสี ค่าสีจะแสดงได้ดังนี้ (L*) แสดงค่าความสว่าง, (a*) ค่าสีแดง, (b*) ค่าสีเหลือง จะพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป ค่าความสว่างจะลดลง  และผลของอุณหภูมิต่อค่าความสว่างของสีจะลดลงเมื่อเก็บไว้ในอุณหภูมิที่สูงขึ้น อาจเนื่องจากเกิดปฏิกิริยาเมลลาร์ดในผลิตภัณฑ์ชาผง ส่งผลให้เกิดเป็นสีน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น ชาผงจึงมีสีที่เข้มและคล้ำขึ้น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นปฏิกิริยาต่างๆ เกิดในอัตราที่เร็วขึ้นและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสี ส่วนค่าสีเหลือง (b*) พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และการเปลี่ยนแปลงสีโดยรวม (different color, dE) จะพบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เครื่องวัดสีของ Konica Minolta…

  • บทความ

    การวัดสีแป้งมันสำปะหลัง

    แป้งมันสำปะหลังมีสีขาวซึ่งเป็นสีโดยธรรมชาติและยากที่จะควบคุม แต่ก็ใช่ว่าจะควบคุมไม่ได้           เนื่องจากในปัจจุบันมีเครื่องมือวัดสีหรือ เครื่องวัดเฉดสี เพื่อจำแนกค่าสีของแป้งมันสำปะหลังแต่ละประเภทได้หน่วยที่คุ้นเคยสำหรับการวัดค่าสีคงหนีไม่พ้น L*a*b* Delta E* ซึ่งหน่วยค่าสีดังกล่าวเป็นหน่วยสีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด สามารถใช้ดูองค์ประกอบของสี ค่า L* หมายถึง ค่าความส่องสว่างส่วน a* และ b* จะเป็นค่าสัมประสิทธิ์สี ดังนี้ +a* หมายถึง อยู่ในทิศของสีแดง -a* หมายถึง อยู่ในทิศของสีเขียว+b* หมายถึง อยู่ในทิศของสีเหลือง –b* หมายถึง อยู่ในทิศของสีน้ำเงิน แต่ค่าเหล่านี้ไม่สามารถวิเคราะห์ความขาวของแป้งมันสัมปะหลังได้ การวิเคราะห์ค่าความขาวได้ แนะนำให้ใช้ค่า WI ทำให้สามารถเห็นความแตกต่างค่าสีได้มากขึ้น เครื่องวัดสีที่จะแนะนำสำหรับการวัดสีแป้งมันสำปะหลังนี้คือ เครื่องวัดสี Chroma Meter CR-410 มาพร้อมกับหัววัดและหน่วยประมวลผล ซึ่งทั้งสองส่วนนี้สามารถถอดแยกออกจากกันได้ ทำให้สะดวกต่อการทำไปวัดได้ในไลน์ผลิต ด้วยหัววัดที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 mm เหมาะสำหรับงานวัดชิ้นงานที่มีลักษณะเป็นเม็ดและผง เนื่องจากพื้นที่การวัดมีขนาดใหญ่ ค่าเฉลี่ยพื้นที่การวัดค่าสีแป้งมันสำปะหลังครอบคลุมมากขึ้นนอกจากนี้ Chroma Meter CR-400/410 ยังช่วยลดปัญหาค่าสีที่ไม่เหมือนกัน แม้จะใช้งานเครื่องวัดสีรุ่นเดียวกัน โดยการใช้ฟังก์ชั่น…

  • บทความ

    วิธีวัดสีคาราจีแนน (Carrageenan)

    บทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีวัดสีคาราจีแนน (caraageenan) คาราจีแนนเป็นสารปรุงแต่งอาหารที่มักพบในผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องดื่มผลิตภัณฑ์จากนมและเนื้อสัตว์แปรรูป คาร์ราจีแนนสกัดได้จากสาหร่ายทะเลสีแดง (Rhodophyceae) เช่น สาหร่ายผมนาง (Gracilaria fisheri) นำไปแปรรูปและบดเป็นผงก่อนใช้ ในการควบคุมสีของคาราจีแนนที่ถูกต้องจำเป็นต้องใช้เครื่องมือสีที่มีหน่วยสี CIEL * a * b * คาราจีแนนมีลักษณะเป็นผงสีขาวเป็นหลัก ดังนั้น ควรเน้นเฉพาะค่าความสว่าง (L *) แทนเดลต้า E เป็นเกณฑ์ในการควบคุมสี ค่า L * ของคาราจีแนนจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของลูกค้าหรือสถานที่ที่จะใช้ ตัวอย่างเช่นค่า L * ของการใช้เนื้อสัตว์มักจะอยู่ระหว่าง 84 ถึง 88 สำหรับผลิตภัณฑ์นมและเครื่องดื่มค่า L * จะอยู่ระหว่าง 90 ถึง 96 เครื่องมือวัดสีเช่น  Konica Minolta Chroma Meter CR-410 สามารถวัดได้ในหน่อยสี CIE L * a * b * และด้วยลักษณะของตัวอย่างเป็นผง…

  • บทความ

    วิธีวัดสีของกาแฟสำเร็จรูป

    สีของเมล็ดกาแฟสำเร็จรูปขึ้นอยู่กับระดับการคั่วและขั้นตอนการชง การวัดสีระหว่างการคั่วและการต้มเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้การควบคุมสีของเมล็ดกาแฟ ซึ่งแต่ละสีมีความหมายที่สื่อถึงรสชาติและวิธีการชงที่เหมาะสม การดื่มกาแฟในปัจจุบันสามารถดื่มได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยกาแฟสำเร็จรูป เพียงเติมน้ำลงในเมล็ดกาแฟสำเร็จรูปคุณก็สามารถดื่มกาแฟได้ทันที  กาแฟที่ถูกชงจากถั่วบดคั่วและเปลี่ยนเป็นเม็ดโดยการแช่แข็งหรือพ่นแห้ง วิธีการคั่วและการเตรียมมีผลต่อรสชาติของกาแฟ ในการคั่วเมล็ดกาแฟ สีของเมล็ดกาแฟเป็นตัวบ่งชี้การคั่วและขั้นตอนการชงต้องใช้ส่วนผสมที่เหมาะสม เพื่อให้ได้สีของเม็ดละเอียดที่สม่ำเสมอและรสชาติที่ดี การผลิตกาแฟสำเร็จรูปต้องมีควบคุมสีของเมล็ดกาแฟตลอดทั้งกระบวนการเพื่อให้ได้สีที่เหมาะสม การวัดค่าสีด้วยสายตานั้น สามารถทำได้แต่มีหลายปัจจัยที่ต้องควบคุมเนื่องจากตัวแปรเหล่านี้จะส่งผลต่อการประเมินค่าสีด้วยสายตา (อ่านการประเมินค่าสีด้วยสายตา เพิ่มเติม) นอกจากนี้สิ่งที่ตาของแต่ละคนมองเห็นนั้น การสื่อสารหรือการอธิบายสีที่เห็นย่อมไม่เหมือนกัน ทำให้มีการพัฒนาเครื่องวัดสีขึ้นมาสื่อสารค่าสีในเชิงตัวเลขเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมมาตรฐานการผลิตทั้งภายในและซัพพลายเชน ( ทำไมต้องใช้เครื่องวัดสี ) เครื่องวัดสีที่จะแนะนำในบทความนี้ คือ รุ่น Chroma Meter CR-410C ที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัดกาแฟโดยเฉพาะ การวัดและปริมาณสีเมล็ดกาแฟคั่วโดยใช้ Chroma Meter CR-410C สามารถให้ผลการวัดที่เชื่อถือได้และยังช่วยประหยัดเวลาเนื่องจากมี color index ที่มีข้อมูลสีของกาแฟจาก Specialty Coffee Association of America (SCAA) ทำให้การวัดสีกาแฟให้ได้มาตรฐานนั้นเป็นเรื่องง่ายและสะดวก     หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีและแสงของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีและแสงของเรา      ให้เราช่วยคุณในการเลือกวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในการวัดของคุณสามารถติดต่อเพื่อข้อมูลหรือคำแนะในการกำหนดขั้นตอนการวัดค่าสีและแสงเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664  Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้ค่ะ สามารถติดตามช่องYoutubeของเราเพื่อรับชมวิดีโอการสาธิตเครื่องมือ และการแนะนำการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องวัดสี

  • บทความ

    การวัดสีเส้นพาสต้า เส้นบะหมี่

    สีของเส้นพาสต้าสามารถสื่อถึงรสชาติและความสดใหม่และเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพในสายตาของผู้บริโภค เส้นพาสต้าคุณภาพดีปกติจะมีสีเหลืองและมักใช้เครื่องมือวัดสีที่มีหน่วยสี CIEL * a * b * เพื่อให้ได้การประเมินสีที่แม่นยำและสม่ำเสมอ พิกัดสี L * แสดงถึงความสว่างในขณะที่ a * และ b * แสดงถึงช่วงสีเขียวถึงแดงและน้ำเงินถึงเหลืองตามลำดับ สำหรับสีของเส้นพาสต้าควรเน้นที่ b * เนื่องจากแสดงถึงสีเหลือง การประเมินสีของเส้นพาสต้าเกี่ยวข้องกับการวัดทั้งแป้งและเส้นพาสต้าขั้นสุดท้าย อ่านเพิ่มเติม หน่วยสีพื้นฐานที่ควรรู้ตอนที่ 1, หน่วยสีพื้นฐานที่ควรรู้ตอนที่ 2          แป้งเซโมลินา (Semolina flour) มีธัญพืชหลายสีและโดยปกติจะใช้ในการทำเส้นพาสต้า สำหรับการวัดสีแป้งเซโมลินาแนะนำให้ใช้เครื่องมือสีที่มีขนาดรูรับแสงขนาดใหญ่ เนื่องจากเส้นพาสต้ามีรูปทรงและขนาดต่างๆ มีความโค้งมน ทำให้การเตรียมตัวอย่างสำหรับการวัดสีมีความยุ่งยาก แต่หากใช้เครื่องวัดสีที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่จะทำให้สามารถวัดสีตัวอย่างที่มีลักษณะเหล่านี้ได้ หรือหากจะพูดให้เห็นภาพคือสามารถวัดครอบคลุมตัวอย่างและสม่ำเสมอ แต่เพื่อให้ได้ค่าการวัดสีที่ถูกต้องควรใช้ภาชนะใส่ตัวอย่างและใช่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ให้เหลือช่องว่างที่จะส่งผลต่อค่าการวัดสี         บทความนี้ขอแนะนำเครื่องวัดที่มี พื้นที่การวัด 50 มม.ที่สามารถวัดเส้นพาสต้าหรือเส้นบะหมี่ โดยลดปัญหาต่างๆที่ได้กล่าวมาข้างบน นั่นคือ Chroma Meter CR-410 นอกจากนี้ CR-410…

  • บทความ

    การปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยการวัดสี

    น้ำเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเรา การตรวจสอบสีของน้ำจะเป็นตัวบ่งชี้ทางคุณภาพว่าน้ำมีความเหมาะสมสำหรับการบริโภคหรือใช้ในการทำอาหารหรือไม่           การประเมินสีด้วยสายตาอาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากดวงตาของเราไม่สามารถแยกแยะระหว่างสีที่มีความใกล้เคียงกัน สำหรับการประเมินสีนั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือวัดสีช่วยเช่น เครื่องวัดสีแบบ Spectrophotometer ที่มีหน่วยวัดสีคือ CIE L*a*b* สำหรับตัวอย่างน้ำที่มีความใส นักวิทยาศาสตร์มักจะดูที่ค่า L* ที่มีค่าสูง และหากน้ำนั้นมีโทนสี จะดูที่ค่า b* ที่มีค่าลบ ในทางกลับกันค่า L* ที่ต่ำ น้ำจะมีความขุ่น ในขณะที่ค่า b* ที่เป็นบวกจะบ่งบอกถึงค่าความเหลืองของสีน้ำนั้น           การนำเครื่องวัดสีไปใช้ในโรงบำบัดน้ำตัวอย่างน้ำที่มีสีที่พอใช้ได้จะถูกวัดและบันทึกโดยใช้เครื่อง Spectrophotometer ก่อนจากนั้นเมื่อทำการวัดตัวอย่างน้ำจากแบทช์ที่แตกต่างกัน เครื่อง Spectrophotometer จะสามารถระบุได้ว่ามีความแปรปรวนของสีหรือไม่ โดยจะระบุถึงความเป็นไปได้ของความปนเปื้อนนั้น เครื่องวัดสี Spectrophotometer ยังสามารถวัดระดับสิ่งสกปรกในน้ำเสียโดยใช้มาตรฐาน American Public Health Association (APHA) ระดับสี APHA หรือที่เรียกว่า Hazen scale จะวัดความเหลืองในของเหลว โดยมีค่าตั้งแต่ 0 สำหรับน้ำกลั่น ถึง…

  • การควบคุมสีของเครื่องเทศ
    บทความ

    การควบคุมสีของเครื่องเทศ

    การใช้เครื่องเทศปรุงอาหารนั้นนอกจากใช้แต่งกลิ่นแล้วยังใช้ในการแต่งสีและถนอมอาหารด้วยลักษณะทางกายภาพและคุณสมบัติเฉพาะตัวในการต้านจุลชีพของเครื่องเทศต่างๆนี้ จึงทำให้เครื่องเทศนิยมใช้ในการถนอมเนื้อสัตว์และอาหาร ซึ่งนอกจากการใช้ถนอมอาหารนั้นลักษณะกายภาพของเครื่องเทศเหล่านี้อีกอย่างที่สำคัญ คือ สี มีการนิยมให้เครื่องเทศต่างๆมาใช้ในการปรุงอาหารเพื่อให้เกิดความน่าดึงดูดต่อผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะเป็นอาหารหรือไม่สิ่งที่ดึงดูดลูกค้าอย่างแรกคือ สี          ในปัจจุบันการควบคุมสีของเครื่องเทศจึงได้รับความสนใจจากผู้ผลิตมากขึ้นและไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เนื่องจากการควบคุมสีของเครื่องเทศนี้มีส่วนช่วยให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธุรกิจของท่านเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ การควบคุมสีของเครื่องเทศจะยิ่งช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ลดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการตรวจสอบได้เป็นอย่างดี         นอกจากนี้ข้อมูลสียังช่วยในการศึกษาอายุการเก็บรักษา (shelf life), ความเบี่ยงเบนของสี, สภาพการเก็บรักษานั่นเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตหลายแห่งให้ความสำคัญกับการควบคุมสีของเทศ สามารถอ่านบทความ เครื่องวัดสีที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อดูเครื่องวัดสีที่มีการจัดทำสรุปไว้ให้ค่ะ           เครื่องวัดสีที่เหมาะสำหรับการวัดสีของเครื่องเทศ บทความนี้จะขอแนะนำเครื่องวัดสีจากแบรนด์ Konica Minolta Spectrophotometer CM-5 ซึ่งมีขนาดพื้นที่การวัดตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ สามารถใช้อุปกรณ์เสริมได้แก่ ถ้วยแก้ว (Petri dish) อุปกรณ์เสริมที่เป็นภาชนะแก้วมีหลายขนาด เพื่อรองรับตัวอย่างเครื่องเทศในรูปแบบที่แตกต่างกัน         หากตัวอย่างอาจมีลักษณะผงขนาดเล็กหรือผงละเอียด ทางเราขอแนะนำให้ใช้วิธีหาค่าเฉลี่ยของการวัดเนื่องจากจะช่วยให้สามารถแสดงข้อมูลสีเครื่องเทศได้ดีขึ้น เพื่อการวิเคราะห์ที่แม่นยำการวัดค่าเฉลี่ยสามารถทำได้อย่างง่ายด้วยเครื่องวัดสีรุ่น Spectrophotometer CM-5  ในตัวเลือกการหาค่าเฉลี่ยอัตโนมัติ (auto average) หรือการหาค่าเฉลี่ยด้วยตนเอง (manual average) ฟังก์ชันการหาค่าเฉลี่ยพร้อมตัวเลือกที่แตกต่างกันในเครื่องวัดสี…

  • บทความ

    การวัดสีในอุตสาหกรรมอาหาร

    “สี”เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้า นอกจากนี้ “สี” ยังสื่อถึงความสดใหม่,รสชาติ, คุณภาพของอาหารนั้น การประเมินสีและการวัดค่าสีจึงเป็นอีกกระบวนการที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร การวัดสีในอุตสาหกรรมอาหาร โดยทั่วไป ใช้หน่วยสี CIE L*a*b* โดยที่ ค่า L*เป็นค่าความสว่าง ซึ่งค่า L*สามารถมีค่ามากกว่า 100 ได้ ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น ภายในตัวอย่างมีส่วนประกอบที่สามารถสะท้อนแสงได้(สีเมทาลิค) ทำให้ค่า L เกิน 100 แต่กรณีนี้ไม่ค่อยพบในอุตสาหกรรมอาหาร  ค่า a* เป็นค่าสัมประสิทธิ์ของสี + a* : ค่าสีมีแนวโน้มไปทางสีแดง –  a* : ค่าสีมีแนวโน้มไปทางสีเขียว ค่า b* เป็นค่าสัมประสิทธิ์ของสี +b* : ค่าสีมีแนวโน้มไปทางสีเหลือง – b* : ค่าสีมีแนวโน้มไปทางสีน้ำเงิน บทความที่เกี่ยวข้อง การสื่อสารสีอย่างแม่นยำ (Precise Color Communication) ส่วนที่ 1.1 การสื่อสารสีอย่างแม่นยำ (Precise Color Communication) ส่วนที่ 1.2 การวัดสีอาหาร สามารถวัดได้ตั้งแต่วัตถุดิบต่างๆ ไปจนถึงอาหารพร้อมทาน…

  • บทความ

    สีเมล็ดกาแฟมีผลต่อกลิ่นหอมของกาแฟ

    กลิ่นหอมของกาแฟเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดที่มีอิทธิพลต่อการเลือกของผู้บริโภคกาแฟ การคั่วเมล็ดกาแฟจะช่วยทำให้มีกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟออกมา ในระหว่างที่คั่วกาแฟนั้น กลิ่นของกาแฟจะค่อยๆเปลี่ยนไปจากกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้เป็นกลิ่นหอมที่ถูกเผาไหม้เมื่อเมล็ดมีสีเข้มขึ้น เพื่อให้ได้กลิ่นหอมที่ต้องการ จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบสีเมล็ดกาแฟอย่างระมัดระวัง การตรวจสอบสีเมล็ดกาแฟสามารถทำได้โดยใช้สายตาหรือใช้เครื่องวัดสี ซึ่งวิธีการตรวจสอบด้วยสายตานั้นจะขึ้นอยู่กับการรับรู้สีของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันและหากคั่วเมล็ดกาแฟในปริมาณมากหรือปริมาณการผลิตสูงการตรวจสอบด้วยสายตาจะทำให้ใช้เวลามากเพื่อให้ได้คั่วกาแฟที่ต้องการ ในขณะที่เครื่องวัดสีนั้นจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวัดสีได้อย่างแม่นยำและอ่านค่าเป็นตัวเลขได้จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการผลิตที่ต้องการควบคุมคุณภาพกาแฟ ในปัจจุบันมีเครื่องวัดสีมากมายหลายรุ่น แต่รุ่นที่อยากแนะนำสำหรับการวัดสีเมล็ดกาแฟคือ เครื่องวัดสี Konica Minolta รุ่น CR-410C  ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโดยเฉพาะสามารถวัดสีได้อย่างเที่ยงตรง โดยใช้ดัชนีกาแฟของสมาคมกาแฟประเทศสหรัฐอเมริกา The Specialty Coffee Association of America (SCAA) เพื่อวัดสีระดับการคั่วเมล็ดกาแฟ และมีฟังก์ชั่น pass/fail ตามค่าการยอมรับได้ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดได้เองร่วมกับแผนภูมิสของการคั่วกาแฟของสมาคมกาแฟประเทศสหรัฐอเมริกา( SCAA )  ทำให้การวัดสีเมล็ดการแฟโดยใช้ CR-410C ให้ผลการวัดที่แม่นยำและเที่ยงตรงยิ่งขึ้น เครื่องวัดสี Konica Minolta รุ่น CR-410C หากสนใจรายละเอียดสามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาฟรีเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการวัดสีและการวัดแสง ได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้คะ