หากมองรอบๆตัว สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา ล้วนมีสีที่แตกต่างและหลากหลาย แม้ว่าเราจะมองสีที่เหมือนกันแต่การที่เราจะอธิบายสีให้อีกคนฟังแล้วนึกภาพสีเป็นสีเดียวกับสีที่เรามองเห็นนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เนื่องจากสีต่างจากความยาวหรือน้ำหนักตรงที่ ไม่มีมาตราส่วนทางกายภาพสำหรับการวัดสี ทำให้ไม่น่าเป็นไปได้ที่ทุกคนจะตอบแบบเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราพูดถึงผู้คนว่า “ทะเลสีฟ้า” หรือ “ท้องฟ้าสีฟ้า” แต่ละคนจะจินตนาการถึงสีฟ้าที่แตกต่างกัน เพราะประสบการณ์การจดจำสีหรือการเรียนรู้สีแต่ละสี แต่ละเฉดสีที่ผ่านมาจะแตกต่างกัน นี่คือปัญหาของสื่อสารสี ลองมาเริ่มทำความเข้าใจในแต่ละประเด็น
(ข้อมูลเนื้อหานี้เราได้มาจากหนังสือ Precise Color Communication จาก Konica Minolta มีการปรับคำหรือยกตัวอย่างที่แตกต่างเพื่อให้อ่านง่ายมากขึ้น หากต้องการอ่านต้นฉบับสามารถ คลิกที่ลิ้งค์นี้ )
เราขอแนะนำให้อ่านตามหัวข้อเหล่านี้ทั้งหมด หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 4 ส่วน
สำหรับส่วนที่ 1 มีหัวข้อดังนี้
- แอปเปิ้ลนี้สีอะไร?
- สภาพวะต่างๆที่มีผลต่อการปรากฏของสี
- สองลูกสีแดง คุณจะอธิบายความแตกต่างระหว่างสีของพวกเขากับใครบางคนอย่างไร
- โลกของสีประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ : สีสัน ความสว่าง ความอิ่มตัว
- สร้างแบบจำลองสีด้วย สีสัน ความสว่าง ความอิ่มตัว
- เราสามารถวัดสีเป็นตัวเลขได้ด้วยการสร้างสเกล สีสัน ความสว่าง และความอิ่มตัว
- ปริภูมิสี
- มาวัดสีต่างๆ ด้วยคัลเลอริมิเตอร์กันเถอะ
- คัลเลอริมิเตอร์แสดงความแตกต่างของสี แม้มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย
- ลักษณะเด่นของของวัดสีแบบคัลเลอร์ริมิเตอร์
เนื่องจากเนื้อหาส่วนที่ 1 ค่อนข้างยาว
เราจึงแบ่ง ส่วนที่ 1 เป็น 2 ช่วง
หัวข้อที่ 6-10 อ่านที่นี้ คลิก
เนื้อหาทั้งหมดนี้ มีบันทึกการบรรยายสดพร้อมแบบประเมินทดสอบความเข้าใจ คลิกที่นี้เพื่อเข้าฟัง
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
1. แอปเปิ้ลนี้สีอะไร?
10 คนก็ 10 สี การอธิบายหรือการสื่อสารเรื่องสีในคน 10 คนมักได้ความหมายแตกต่างกัน “การเรียกชื่อสี” เป็นเรื่องที่ยากมาก ยกตัวอย่างเข่น ถ้าลองเอาแอปเปิ้ล 1 ลูกไปให้คน 4 คนดู แล้วถามแต่ละคนว่าสีอะไร คุณได้คำตอบที่ไม่เหมือนกัน
สีเป็นเรื่องของการรับรู้และการตีความเฉพาะบุคคล แม้ว่าเราจะดูวัตถุชิ้นเดียวกัน ผู้คนจะอ้างอิงจากประสบการณ์ที่เคยพบเจอสีหรือการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ทำให้อธิบายสีที่มองเห็นแตกต่างกัน หากเราเป็นร้านขายแอปเปิ้ลแล้วต้องการคัดแยกคุณภาพของแอปเปิ้ลจากสีซึ่งเป็นปัจจัยนึงในการคัดแยกคุณภาพ เราจะสามารถสื่อสารให้พนักงานเข้าใจสีของแอปเปิ้ลที่เราต้องการได้อย่างไร? การอธิบายสีด้วยคำพูดนั้นซับซ้อนและยากเกินไป หากมีวิธีการมาตรฐานที่ใครๆ ก็สามารถแสดงออกและเข้าใจสีได้อย่างถูกต้อง การสื่อสารด้วยสีจะราบรื่นขึ้น ง่ายขึ้น และแม่นยำขึ้นมาก การสื่อสารสีที่แม่นยำดังกล่าวจะช่วยขจัดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสี
การเรียกชื่อสีทั่วๆไป และการเรียกชื่อสีอย่างเป็นระบบ
คำพูดสำหรับการอธิบายสีมักจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ยกตัวอย่าง สีแดง ซึ่งแต่ละคนอาจจะเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น สีแดง สีแดงอ่อน สีแดงเข้ม สีแดงเลือดนก สีแดงกุหลาบ สีแดงสตอเบอร์รี่ สีแดงอิฐ นี่เป็นส่วนหนึ่งที่เรียกว่าชื่อสีทั่วไป
ถ้าเราวิเคราะห์สีและเพิ่มคำอธิบายลักษณะสีลงไป เช่น “สว่าง(bright)” “ทึม(dull)” และ “เข้ม(deep)” ให้เราสามารถอธิบายสีได้แม่นยำขึ้นเล็กน้อย คำเช่น “สีแดงสด” เป็นการเรียกชื่อสีอย่างเป็นระบบ ถึงแม้จะมีแนวทางในการอธิบายสีที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ความหมายชัดเจนขึ้นได้
2. สภาพวะต่างๆที่มีผลต่อการปรากฏของสี
แหล่งกำเนิดแสงที่ต่างกัน
เคยไหมที่เวลาคุณไปเลือกซื้ออาหาร ผัก ผลไม้ เวลาอยู่ที่ร้านภายใต้แสงอาทิตย์อะไรก็ดูน่าทานไปหมด ดูน่าอร่อย แต่เมื่อกลับมาดูที่บ้านอาหาร ผัก ผลไม้ที่ซื้อมานั้น ดูไม่น่าทานเหมือนตอนอยู่ที่ร้าน ที่เป็นแบบนี้เพราะแหล่งแสงในการมองดูสีที่ร้านและที่บ้านมีความแตกต่างกันนั่นเอง แสงแดด, หลอดฟลูออเรสเซนต์, แสงทังสเตน ฯลฯ การส่องสว่างแต่ละประเภทจะทำให้สีเดียวกันดูแตกต่างกันออกไป
ฉากพื้นหลังที่ต่างกัน (Background)
หากวางแอปเปิ้ลไว้หน้าพื้นหลังที่สว่าง แอปเปิ้ลจะดูหมองคล้ำกว่าเมื่อวางไว้หน้าพื้นหลังสีเข้ม นั่นเรียกว่า Contrast Effect และทำให้การประเมินสีไม่มีความแม่นยำ
ทิศทางในการมองที่ต่างกัน
เมื่อมองที่รถ การมองรถจากมุมที่ต่างออกไปเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้จุดบนรถดูสว่างขึ้นหรือมืดลงได้ ทั้งนี้เนื่องมาจากลักษณะทิศทางของสีรถ วัสดุทำสีบางชนิด โดยเฉพาะสีเมทัลลิก มีการเปลี่ยนแปลงไปตามมุมที่มองเห็น ดังนั้นมุมที่มองวัตถุและมุมที่วัตถุส่องสว่างจะต้องคงที่เพื่อการสื่อสารสีที่แม่นยำ
ผู้ประเมินสีหรือคนสังเกตุคนละคนกัน
ความไวของดวงตาของแต่ละคนแตกต่างกันเล็กน้อย แม้แต่คนที่มองเห็นสี “ปกติ” ก็อาจมีอคติต่อสีแดงหรือสีน้ำเงิน นอกจากนี้ สายตาของบุคคลมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ สีจะปรากฏแตกต่างกันไปสำหรับผู้สังเกตที่แตกต่างกัน
ขนาดที่ต่างกัน
ยกตัวอย่างเช่น คุณเลือกวอลเปเปอร์ที่ดูดีจากตัวอย่างชิ้นเล็กๆ บางครั้งพบว่ามันดูสว่างเกินไปเมื่อติดผนังจริงๆ
พื้นที่ของสีที่ขนาดใหญ่มักจะดูสว่างและสดใสกว่าพื้นที่ของสีขนาดเล็ก สิ่งนี้เรียกว่าเอฟเฟกต์พื้นที่ (Area Effect) นี่เป็นอักปัจจัยที่ทำให้การประเมินสีคาดเคลื่อน
3. สองลูกสีแดง คุณจะอธิบายความแตกต่างระหว่างสีของพวกเขากับใครบางคนอย่างไร ?
ลูกบอลสีแดงสองลูกจะแสดงที่ด้านซ้าย หากมองแวบแรกจะเห็นว่าเหมือนกัน แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน คุณจะเห็นว่ามันแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน สีของทั้งสองเป็นสีแดง แต่สีของลูกบอลบนค่อนข้างสว่างกว่า และสีของลูกบอลล่างจึงเข้มกว่า นอกจากนี้ สีของลูกบอลด้านบนยังดูสดใสอีกด้วย ลูกบอลสีแดงเหมือนกันแต่ยังแตกต่างซึ่งสามารถแยกได้ด้วย สี, ความสว่างและความอิ่มตัวของสี
4.โลกของสีประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ : สีสัน ความสว่าง ความอิ่มตัว
สีสัน (Hue)
สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน สีสันก่อให้เกิดวงล้อสี
แอปเปิ้ลเป็นสีแดง มะนาวเป็นสีเหลือง ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า นั่นคือวิธีที่เราทุกคนคิดเกี่ยวกับสีในภาษาในชีวิตประจำวัน Hue เป็นคำที่ใช้ในโลกของสีเพื่อจำแนกสีแดง สีเหลือง สีฟ้า ฯลฯ นอกจากนี้ แม้ว่าสีเหลืองและสีแดงจะเป็นสองเฉดสีที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่การผสมสีเหลืองและสีแดงเข้าด้วยกันทำให้เกิดสีส้ม (ซึ่งบางครั้งเรียกว่าสีเหลือง) – สีแดง) การผสมสีเหลืองและสีเขียวจะทำให้เกิดสีเหลืองสีเขียว การผสมสีน้ำเงินและสีเขียวทำให้เกิดสีน้ำเงินสีเขียว เป็นต้น ความต่อเนื่องของเฉดสีเหล่านี้ส่งผลให้เกิดวงล้อสีที่แสดงในรูปที่ 1
ความสว่าง (Lightness)
สีสว่าง สีมืด ความสว่าง ความสว่างของสีจะเปลี่ยนตามแนวตั้ง
สีสามารถแยกออกเป็นสีสว่างและสีเข้มเมื่อเปรียบเทียบความสว่าง ยกตัวอย่างเช่น สีเหลืองของมะนาวและผลของเกรฟฟรุ๊ต (คล้ายส้มโอ) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสีเหลืองของมะนาวจะสว่างกว่ามาก แล้วถ้าเป็นสีเหลืองของมะนาวและสีแดงของเชอร์รี่หวานล่ะ สีเหลืองของมะนาวจะสว่างกว่าหรือไม่? ความสว่างนี้สามารถวัดได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับ Hue ได้
ในรูปที่ 2 รูปนี้เป็นส่วนตัดขวางของรูปที่ 1 ตัดเป็นเส้นตรงระหว่าง A (สีเขียว) และ B (สีม่วงแดง) ตามภาพ ความสว่างจะเพิ่มขึ้นทางด้านบนและลดลงไปยังด้านล่าง
ความอิ่มตัว (Saturation)
สีสดใส สีทึม ความอิ่มตัวของสีจะเปลี่ยนจากจุดศูนย์กลางภายในสู่ภายนอก
ย้อนกลับไปที่สีเหลือง คุณจะเปรียบเทียบสีเหลืองของมะนาวกับลูกแพร์ได้อย่างไร?
คุณอาจพูดได้ว่าสีเหลืองของมะนาวนั้นสว่างกว่า แต่ในกรณีนี้คือสีสดใส ในขณะที่สีเหลืองของลูกแพร์นั้นดูหมองคล้ำ นี่เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างที่สำคัญ นั่นก็คือความอิ่มตัวของสีหรือความสดใสของสี หากเราดูรูปที่ 2 อีกครั้ง เราจะเห็นว่าความอิ่มตัวของสีเปลี่ยนไปเป็นสีม่วงแดงและเขียวตามลำดับ จะเปลี่ยนไปตามระยะห่างในแนวนอนจากจุดศูนย์กลางเปลี่ยนไป สีจะมัวเมื่อใกล้จุดศูนย์กลาง รูปที่ 3 เป็นคำขยายใช้บอกระดับความสว่างและความอิ่มตัว
5.ฮิวความสว่างความอิ่มตัว มาสร้างสีทึบกันเถอะ
สีสัน, ความสว่างและความอิ่มตัวของสี องค์ประกอบทั้ง 3 นี้เป็นคุณลักษณะของสี สามารถนำมารวมกันเพื่อสร้างรูปทรงแบบจำลองสีสามมิติที่แสดงในรูปที่ 4 โดยสีสัน จะเป็นส่วนที่ริมรอบนอกของแบบจำลอง ความสว่างเป็นแกนกลางทางแนวตั้ง และความอิ่มตัวของสีเป็นเหมือนซี่ล้อหรือรัศมีในแนวนอน หากนำสีจริงที่พบรอบๆตัวทั้งหมดมาใส่ในรูปที่ 4 ก็จะเกิดแบบจำลองในรูปที่ 5 รูปทรงของแบบจำลองนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากขนาดของลำดับขั้นของความอิ่มตัวของสีจะแตกต่างไปตามค่าของสีสัน และความสว่างในแต่ละค่า แต่แบบจำลองนี้ มีส่วนช่วยให้เราเห็นภาพและความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง สีสัน ความสว่างและความอิ่มตัวได้เป็นอย่างดี
บทความหน้าเราจะมาต่อหัวข้อที่เหลือดังนี้
6. เราสามารถวัดสีเป็นตัวเลขได้ด้วยการสร้างสเกล สีสัน ความสว่าง และความอิ่มตัว
7. ปริภูมิสี
8. มาวัดสีต่างๆ ด้วยคัลเลอริมิเตอร์กันเถอะ
9. คัลเลอริมิเตอร์แสดงความแตกต่างของสี แม้มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย
10. ลักษณะเด่นของของวัดสีแบบคัลเลอร์ริมิเตอร์
หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีและแสงของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีและแสงของเรา
ให้เราช่วยคุณในการเลือกวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในการวัดของคุณสามารถติดต่อเพื่อข้อมูลหรือคำแนะในการกำหนดขั้นตอนการวัดค่าสีและแสงเพิ่มเติมได้ที่
ได้ที่อีเมล [email protected]
เบอร์ 02-361-3730
Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้ค่ะ
สามารถติดตามช่องYoutubeของเราเพื่อรับชมวิดีโอการสาธิตเครื่องมือ และการแนะนำการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องวัดสี