หน้าจอสัมผัสเป็นมาตรฐานใน สมาร์ทโฟน, เครื่องคิดเงิน, ตู้ให้ข้อมูลอัตโนมัติ(information kiosks),อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้นำเสนอข้อมูลอย่างชัดเจนและถูกต้อง ประสิทธิภาพและคุณภาพของจอแสดงผลจึงมีความสำคัญมาก จอแสดงผลต้องสามารถนำเสนอข้อมูลที่อ่านได้ภายใต้สภาพภาพที่แตกต่างกัน หากต้องการใช้อุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่มืดหรือมีแสงน้อย จอแสดงผลจะต้องเปล่งแสงเพียงพอเพื่อลดความเครียดในการปรับตัวและแสงสะท้อนที่ไม่สบายตาในขณะเดียวกันยังคงความชัดเจนไว้ หากต้องใช้อุปกรณ์ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าหน้าจอต้องมีคอนทราสต์เพียงพอที่จะอ่านได้ ความคมชัดและสีเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับประสิทธิภาพของจอแสดงผลและทั้งสองอย่างจะแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญภายใต้มุมมองและสภาพแสงที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือต้องทำการวัดในช่วงของมุมต่างๆที่ผู้ใช้อาจใช้ภายใต้ระดับแสงแวดล้อมต่างๆ นอกจากความคมชัดสีและมุมมองแล้วการวัดประสิทธิภาพของจอแสดงผลยังมี การตรวจสอบสมดุลสีขาว การตรวจสอบแกมมา / ระดับสีเทา การวัดการสั่นไหว การวัดช่วงสี การตรวจสอบข้อบกพร่องของพิกเซล การประเมินเอฟเฟกต์ประกายไฟป้องกันแสงสะท้อน ด้วยเทคโนโลยีการแสดงผลที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วการทดสอบการแสดงผลจึงมีความซับซ้อนและสร้างความสับสนให้กับนักพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าคุณกำลังมองหาข้อมูลหรือที่กำลังมองหาวิธีการแก้ปัญหาที่จะอธิบายลักษณะการแสดงผลของตรวจสอบ ทางเราขอแนะนำเครื่องตรวจสอบหน้าจอเครื่องทดสอบหน้าจอที่ทาง Konica Minolta, Radiant Vision System และ Instrument Systems พัฒนามาเพื่อการวัดหน้าจอโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น spectroradiometers หรือการวัดด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพ colorimeters/photometers ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาสำหรับการวัดหน้าจอ หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีและแสงของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีและแสงของเรา ให้เราช่วยคุณในการเลือกวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในการวัดของคุณสามารถติดต่อเพื่อข้อมูลหรือคำแนะในการกำหนดขั้นตอนการวัดค่าสีและแสงเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้ค่ะ สามารถติดตามช่องYoutubeของเราเพื่อรับชมวิดีโอการสาธิตเครื่องมือ และการแนะนำการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องวัดสี
-
-
พารามิเตอร์การวัดหน้าจอที่สำคัญ : Display Mura
อุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆในปัจจุบันต้องการคุณภาพและความคมชัดของจอแสดงผลมากขึ้น ตั้งแต่สมาร์ทโฟน , โทรทัศน์ไปจนถึงVR headsets และแผงหน้าปัดรถยนต์ ซึ่งนอกเหนือจากความสว่าง , chromaticity , ความคมชัด, uniformity และมุมมองการวัด viewing angle ล้วนเป็นพารามิเตอร์การวัดหน้าจอที่สำคัญ แต่ยังมีอีกพารามิเตอร์ที่มีความสำคัญอีกอย่างก็คือ จอแสดงผลมูร่า (display mura) Mura มาจากคำภาษาญี่ปุ่นหมายถึง คราบ, ความมัวหมองหรือสิ่งผิดปกติ ซึ่งในอุตสาหกรรมการแสดงผล mura ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายความผิดปกติและขุ่นมัว มีผลต่อการแสดงผล LCDs หรือหน้าจอแบบ OLEDs โดยทั่วไปแล้ว Display mura จะเป็นจุดที่มีคอนทราสต์ต่ำหรือมีรอยเปื้อนที่มีรูปร่างและขนาดต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ผู้มีประสบการณ์ในการตรวจสอบและนั่นอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการแสดงผลหรือฟังก์ชันการทำงาน โดยทั่วไปแล้ว Display mura เกิดจากข้อบกพร่องของกระบวนการที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการประกอบและขั้นตอนการเชื่อมด้วยแสง โดยทั่วไปแล้วจอแสดงผลประกอบด้วยวัสดุหลายชั้นและวัสดุพิมพ์ที่ยึดติดกัน น่าเสียดายที่ไม่สามารถเชื่อมต่อเลเยอร์เหล่านี้ได้อย่างแม่นยำตลอดเวลา นอกจากนี้สิ่งสกปรกหรืออนุภาคปนเปื้อนในระหว่างการผลิตความไม่สม่ำเสมอของแสงพื้นหลังและความไม่สอดคล้องกัน pixels/sub-pixelsของเอาต์พุต เป็นสาเหตุของการเกิด Display mura …
-
การเลือกรูปทรง(Geometries) เครื่องมือที่เหมาะสม
การมีความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับ optical geometry เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากมีผลกระทบอย่างมากต่อผลการวัดสีของคุณ ในการพิจารณาว่า geometry ใดที่เหมาะกับแอปพลิเคชันของคุณมากที่สุดจำเป็นต้องเข้าใจว่าแต่ละรูปทรงส่องสว่างและตรวจจับสีของวัตถุอย่างไร ด้านล่างนี้เราจะอธิบายรูปทรงทั่วไป 2 รูปแบบที่สร้างขึ้นภายในเครื่องมือวัดสี 45 ° / 0 °: ระบบส่องสว่างทิศทางเดียว 45 ° / 0 °หรือระบบส่องสว่างทิศทางเดียวจะส่องสว่างวัตถุจากมุม 45 °และตรวจจับแสงสะท้อนที่ 0 ° geometry ประเภทนี้มีความสัมพันธ์กับการรับรู้ทางสายตาและใช้เพื่อวัดลักษณะของตัวอย่างเนื่องจากมีความไวต่อสภาพพื้นผิว โดยพื้นผิวมันจะมีสีเข้มกว่าวัตถุที่มีพื้นผิวด้านแม้ว่าทั้งสองอย่างจะย้อมด้วยสีเดียวกันก็ตาม สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยวัสดุที่มีพื้นผิวที่แตกต่างกันการใช้ geometry 45 ° / 0 °จึงเป็นวิธีที่เหมาะสม d / 8 °: การส่องสว่างแบบกระจายที่ผสานรวมระบบทรงกลม ด้วย “d” หมายถึงการกระจายแสง (diffuse) d / 8 °หรือการส่องสว่างแบบกระจายที่รวมระบบทรงกลมทำให้วัตถุส่องสว่างจากทุกทิศทางหรือทุกมุมเท่ากันและตรวจจับแสงสะท้อนที่ 8 ° รูปทรงเรขาคณิตประเภทนี้สามารถทำการวัดได้ทั้งใน โหมดSpecular Component Excluded (SCE) หรือ Specular Component Included (SCI) จึงเหมาะสำหรับการวัดสี…
-
การใช้ APHA color scale ในอุตสาหกรรมเคมี
สารเคมีที่ใช้อย่างกว้างขวางในการผลิตของผลิตภัณฑ์ เช่น พลาสติก, ยาง, สี และชิ้นส่วนยานยนต์ สารเคมีที่ใช้ไม่เพียงแต่ต้องมีคุณภาพตามที่กำหนด แต่ยังต้องมีความจำเพาะเจาะจงต่อคุณสมบัติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพนอกจากนี้สีเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ หน่วยสีพื้นฐาน (color space) เช่น CIE L * a * b *และCIE L * C * h ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการควบคุมสี แต่การวัดสีหรือการคัดแยกผลิตภัณฑ์เคมีเหลวที่มีสีใสหรือมีสีเหลืองเล็กน้อย นิยมใช้มาตราส่วนสีมาตรฐานเช่น APHA Color หรือ Gardner Color Scale ในบทความนี้เราจะพูดถึง APHA Color สี APHA หรือเรียกอีกอย่างว่าสเกล Hazen หรือ Platinum Cobalt (Pt/Co) เป็นสเกลสีตัวเลขเดียวที่มีตั้งแต่ 0 (ไม่มีสีชัดเจน) ถึง 500 (สีเหลืองอ่อน) เดิมได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นการประเมินคุณภาพน้ำด้วยการประเมินด้วยสายตาโดยเปรียบเทียบกับการเจือจางของสารละลายมาตรฐานทองคำขาว – โคบอลต์ และวิธีนี้ได้ขยายไปใช้กับ สารเติมแต่งพอลิเมอร์(polymer additives), สารละลายเรซินและตัวทำละลายต่างๆ เช่น กลีเซอรอล และ…
-
การวัดสีสารเคมีโดยใช้ Gardner Color Scale
เวอร์ชั่น ภาษาไทย Version English การวัดสีในอุตสาหกรรมเคมีโดยทั่วไป นิยมใช้ APHA color หรือที่เรียกว่า Platinum Cobalt (Pt /Co) scale หรือ Hazen ซึ่งมักใช้กับผลิตภัณฑ์เคมีเหลวที่มี สีใสหรือมีสีเหลืองเล็กน้อย แต่สำหรับสารเคมีเหลวที่มีระดับความเหลืองสูงกว่านั้น จำเป็นต้องใช้สเกลแยก เช่น Gardner Color Scale Gardner Color Scale การวัดสีสารเคมีโดยใช้ Gardner Color Scale เป็นวิธีการที่ดีขึ้นสำหรับการประเมินสีของน้ำมัน, oil-based varnishes, แลคเกอร์, กรดไขมัน และสารเคมีที่มีสีเหลืองไปจนถึงแดง โดยแรกเริ่ม Gardner Color Scale ประกอบด้วยสารละลาย 18 เฉดสีโดยแต่ละเฉดสีที่แตกต่างกันเล็กน้อย ตั้งแต่สีเหลืองอ่อน (Gardner 1) ไปจนถึงสีแดง (Gardner 18) แต่เมื่อเวลาผ่านไปสารละลายเหล่านี้จะการเปลี่ยนแปลงทำให้ต้องเตรียมใหม่เป็นประจำ เพื่อลดความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเตรียมสารใหม่ๆ และพัฒนาให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้นจึงมีการนำแก้วสีมาตรฐานมาใช้แทน สีเหลืองอ่อน (Gardner 1) ไปจนถึงสีแดง (Gardner 18) แก้วสีมาตรฐาน แต่ไม่ว่าจะใช้แบบสารละลายหรือแบบแก้วล้วน แต่ใช้สายตาในการประเมินสี ซึ่งการประเมินสีด้วยสายตานั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้การอ่านค่าสี เกิดความคลาดเคลี่อน อ่านปัจจัยที่มีผลต่อการประเมินสีด้วยสายตาที่นี้ คลิก เราจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ?…
-
วิธีวัดค่าความขุ่นของชิ้นงาน
การประเมินลักษณะภายนอกหรือบางท่านอาจจะเรียงว่า ลักษษณะทางกายภาพ มีปัจจัยสำคัญที่ต้องควบคุม คือ ปริมาณการสะท้อนแสงที่สูง และการเคลือบผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอกัน ซึ่งนั่นคือความท้าทายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความขุ่น (haze) ค่าความขุ่นแบบการสะท้อน (Reflection haze) โดยปัญหาของปริมาณการสะท้อนแสงส่วนใหญ่จะถูกพบในอุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างมาก เนื่องจากในส่วนของสีและการเคลือบให้รถมีปริมาณความมันเงาที่สูง (GU) ทำให้มีปัจจัยอื่นเข้ามาเป็นเฟกเตอร์ด้วย เช่น การกระจายตัวที่ไม่ดีของผงสี, วัตถุดิบที่ใช้เมื่อนำมาผสมกันกลับเข้ากันไม่ได้, การขัดสี, การควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนไปหรือเย็นไป เป็นต้น อ่านปัญหาต่างๆที่มีผลต่อการวัดความเงา ซึ่งปัญหาข้างต้น เราสามารถกำหนดพารามิเตอร์ในการตรวจสอบขึ้นมาได้ นั้นก็คือ reflection haze แต่อย่างไรก็ตามการวัดชิ้นงานด้วยเครื่องมือทดสอบจะต้องให้ชิ้นงานแนบสนิทกับหัววัด ไม่แนะนำให้นำเครื่องมือไปวัดกับชิ้นงานที่เป็นพาร์ทโค้ง เนื่องจากเครื่องมือจะมีเลนส์ที่ Fix ไว้ หากนำเครื่องไปวัดกับพื้นที่ผิวโค้งจะทำให้แสงที่สะท้อนออกมาจากชิ้นงานไม่ถูกเข้าไปที่เซ็นเซอร์ภายในของเครื่องมือ ในขณะเดียวกันชิ้นงานสีเมทาลิคที่มีเกล็ดเมทาลิคจะทำให้เครื่องอ่านค่าไม่ได้แม่นยำ 100 % อาจจะอ่านค่าเกินจากความเป็นจริงเนื่องจากเกล็ดเมทาลิคมีปริมาณแสงที่ถูกสะท้อนออกมามากอยู่แล้ว หรือเรียกอีกอย่างว่า เกล็ดสีเมทาลิคสามารถสะท้อนแสงได้ดี ทำให้เมื่อวัดค่าการสะท้อนแสงของสีประเภทนี้จะได้ค่าสะท้อนที่สูงมากกว่าความเป็นจริง บทความนี้ของแนะเครื่องมือสำหรับาการวัดค่า reflection haze เครื่องมือทดสอบ Rhopoint IQ-S จะตรวจจับจุดสูงสุดของแสงสะท้อนโดยอัตโนมัติและปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์เพื่อชดเชยพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังแก้ไขความขุ่นบนเคลือบโลหะโดยการจับข้อมูลมาชดเชยจากพื้นที่ที่อยู่ติดกับ haze angle นอกเหนือจาก reflection haze ที่วิเคราะห์ปริมาณแสงสะท้อนแล้วการวัดพารามิเตอร์อื่นๆ เช่น ผิวเปลือกส้ม,ค่าความเงา ซึ่งการวัดพารามิเตอร์เหล่านี้ทำให้สามารถกำหนดตัวเลขออกมาเพื่อให้เป็นมาตรฐานสากลของบริษัทเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีและแสงของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีและแสงของเรา …
-
วิธีเลือกเครื่องวัดสีให้เหมาะกับงานของคุณ
จะซื้อเครื่องวัดสีให้คุ้มต้องดูอะไรบ้าง ? 1.ดูตัวอย่างของเราที่ต้องการวัดสี : ลักษณะตัวอย่างของแต่ละคนไม่เหมือนกันเช่นเดียวกับเครื่องวัดสีแต่ละรุ่นที่มีความแตกต่าง ของแข็ง/ของเหลว? โปร่งแสง/ทึบแสง? สีลักษณะพิเศษ? อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเครื่องวัดสี : ( เลือกเครื่องวัดสีอย่างไรให้เหมาะกับงาน ตอนที่ 1 ) เริ่มต้นด้วยการดูตัวอย่างของคุณว่ามีลักษณะเป็นของแข็งหรือของเหลว หลังจากนั้นต้องดูความโปร่งแสง หรือทึบแสง ของตัวอย่างที่มีความโปร่งแสงเหมาะกับการวัดแบบส่องผ่าน (transmittance) และ ตัวอย่างที่มีความทึบแสงเหมาะกับการวัดแบบสะท้อน (reflectance) ตัวอย่างที่เป็นของเหลวหลักการวัด ใช้เช่นเดียวกับของแข็งแต่การเตรียมตัวอย่างต่างกันจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมเช่น petri dish glass cell อุปกรณ์อื่นๆเพื่อปรับให้สอดคล้องกับเครื่องวัดสีแต่ละรุ่น สีลักษณะพิเศษ เช่น สีมุก, สีเมทาลิค ฯลฯ สีประเภทนี้เหมาะกับเครื่องวัดสีที่ประเภท Multi-angle Spectrophotometer ที่สามารถวัดได้หลายมุม เนื่องจากสีเหล่านี้แต่ละมุมจะแสดงสีที่ต่างกัน นอกจากลักษณะเหล่านี้แล้วสิ่งที่ต้องนำมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเลือกเครื่องวัดสี คือ “ขนาดของชิ้นงาน” จุดนี้ก็มีความจำเป็นต่อการเลือกเครื่องวัดสีเพราะพื้นที่การวัดสีของเครื่องวัดสีแต่ละรุ่นไม่เหมือนกันแน่นอนว่าหากคุณเลือกเครื่องวัดสีที่พื้นการวัดที่ไม่สัมพันธ์กับตัวอย่างของคุณ ค่าสีที่ได้จะไม่ใช่ค่าที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ขนาดตัวอย่าง น้อยกว่า พื้นที่การวัดของเครื่องวัดสี หรือ พื้นที่การวัดของเครื่องวัดสี มากกว่า พื้นที่ของตัวอย่างที่ต้องการวัด จะทำให้เครื่องอ่านค่าสี พื้นที่อื่นๆนอกจากตัวอย่างที่ต้องการวัด ทำให้ค่าที่ได้ ไม่ใช่ค่าสีของตัวอย่างนั้นจริงๆ 2. ดูหน่วยสีที่ต้องการวัดค่าสี มีหน่วยสีใดบ้าง? ที่ต้องการใช้งานแน่นอนว่าฟังก์ชั่นที่ครบ…
-
การปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยการวัดสี
น้ำเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเรา การตรวจสอบสีของน้ำจะเป็นตัวบ่งชี้ทางคุณภาพว่าน้ำมีความเหมาะสมสำหรับการบริโภคหรือใช้ในการทำอาหารหรือไม่ การประเมินสีด้วยสายตาอาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากดวงตาของเราไม่สามารถแยกแยะระหว่างสีที่มีความใกล้เคียงกัน สำหรับการประเมินสีนั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือวัดสีช่วยเช่น เครื่องวัดสีแบบ Spectrophotometer ที่มีหน่วยวัดสีคือ CIE L*a*b* สำหรับตัวอย่างน้ำที่มีความใส นักวิทยาศาสตร์มักจะดูที่ค่า L* ที่มีค่าสูง และหากน้ำนั้นมีโทนสี จะดูที่ค่า b* ที่มีค่าลบ ในทางกลับกันค่า L* ที่ต่ำ น้ำจะมีความขุ่น ในขณะที่ค่า b* ที่เป็นบวกจะบ่งบอกถึงค่าความเหลืองของสีน้ำนั้น การนำเครื่องวัดสีไปใช้ในโรงบำบัดน้ำตัวอย่างน้ำที่มีสีที่พอใช้ได้จะถูกวัดและบันทึกโดยใช้เครื่อง Spectrophotometer ก่อนจากนั้นเมื่อทำการวัดตัวอย่างน้ำจากแบทช์ที่แตกต่างกัน เครื่อง Spectrophotometer จะสามารถระบุได้ว่ามีความแปรปรวนของสีหรือไม่ โดยจะระบุถึงความเป็นไปได้ของความปนเปื้อนนั้น เครื่องวัดสี Spectrophotometer ยังสามารถวัดระดับสิ่งสกปรกในน้ำเสียโดยใช้มาตรฐาน American Public Health Association (APHA) ระดับสี APHA หรือที่เรียกว่า Hazen scale จะวัดความเหลืองในของเหลว โดยมีค่าตั้งแต่ 0 สำหรับน้ำกลั่น ถึง…
-
การเลือกใช้เครื่องมือวัดสี Spectrophotometer สำหรับควบคุมคุณภาพพลาสติก
การวัดสีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมพลาสติก เพราะสีและลักษณะที่ปรากฎนั้นเป็นสิ่งแรกที่สามารถประเมินได้จากสายตาของผู้ประเมิน หรือลูกค้า โดยงานพลาสติกมีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะ คือ พลาสติกแบบทึบ พลาสติกแบบโปร่งแสง พลาสติกแบบโปร่งใส ซึ่งพลาสติกแต่ละชนิดต้องการเครื่องมือวัดแบบ Spectrophotometer ที่แตกต่างกัน พลาสติกทึบแสง สำหรับพลาสติกทึบแสง แสงจะไม่สามารถทะลุผ่านตัวงานได้ สามารถใช้เครื่องมือ Spectrophotometer ได้ทั้งแบบ Sphere-base หรือ 45/0 การวัดค่าสีของพลาสติกแบบทึบแสงให้ใกล้เคียงกับการมองเห็น พลาสติกแบบโปร่งใสและโปร่งแสง สำหรับพลาสติกแบบโปร่งใสและโปร่งแสง แสงสามารถทะลุผ่านตัวงานได้ สามารถใช้โหมดการวัดได้ทั้งแบบ Transmittance (ส่องผ่าน) และ Reflectance (สะท้อน) โดยขึ้นอยู่กับระดับของความสามารถที่แสงสามารถส่องผ่านได้ ตัวอย่างเครื่องวัดสีที่แนะนำ Spectrophotometer CM-600d/CM-700d จุดเด่น เครื่องวัดสี spectrophometer แบบพกพา ออกแบบมาให้จับได้ถนัดมือยิ่งขึ้น อ่านค่าวัดสีได้ง่ายด้วยหน้าจอ LCD สามารถเชื่อมต่อกับบูลธูทปริ้นเตอร์ได้ Spectrophotometer CM-5 จุดเด่น เครื่องวัดสี spectrophometer แบบตั้งโต้ะ อ่านค่าวัดสีได้ง่ายด้วยหน้าจอ LCD สามารถเชื่อมต่อกับบูลธูทปริ้นเตอร์ได้ วัดค่าได้ทั้งแบบTransmittance (ส่องผ่าน) และ Reflectance (สะท้อน) เชื่อมต่อกับคีบอร์ดได้ ทำให้พิมพ์ข้อมูลได้ง่ายมากขึ้น…
-
Toyota Motor Thailand Co.,Ltd.(Gateway) เยี่ยมชมห้องปฎิบัติการของเซ็นเทเซีย
ลูกค้าจาก บริษัท Toyota Motor Thailand Co.,Ltd. (Gateway) จ.ฉะเชิงเทรา เยี่ยมชมห้องปฎิบัติการงานบริการด้านสอบเทียบและซ่อม เพื่อดูความพร้อมด้านต่างๆสำหรับงานบริการด้านสอบเทียบและซ่อมของทีม service หรือ IIS จากบริษัท เซ็นเทเซีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในไทยที่ได้รับการรับรองจาก Konica Minolta ทำให้ลูกค้าที่ส่งมาสอบเทียบกับเรา สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับอะไหล่แท้จาก Konica Minolta บริการมาตรฐานเดียวกัน คลิกที่นี้ เพื่อดูใบรับรองต่างๆ ของทีม Service หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีและแสงของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีและแสงของเรา ให้เราช่วยคุณในการเลือกวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในการวัดของคุณสามารถติดต่อเพื่อข้อมูลหรือคำแนะในการกำหนดขั้นตอนการวัดค่าสีและแสงเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์ 02-361-3730 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้ค่ะ สามารถติดตามช่องYoutubeของเราเพื่อรับชมวิดีโอการสาธิตเครื่องมือ และการแนะนำการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องวัดสี