การวัดสีในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติหรือใยสังเคราะห์มักจะเป็นการผลิตขนาดใหญ่ซึ่งสีและความสว่างเป็นปัจจัยที่สำคัญและท้าทายค่อนข้างมาก เช่น สีและสภาพของแสงในบริเวณโดยรอบจะสามารถทำให้รบกวนการคัดแยกสี ดังนั้นผู้ผลิตสิ่งทอจำนวนมากจึงใช้เครื่องวัดสีเพื่อตรวจสอบคุณภาพของสีในระหว่างกระบวนการผลิตสิ่งทอเนื่องจากผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายมีความสอดคล้องกับวัตถุดิบ การตรวจสอบสีของสีย้อมและเส้นใยจะช่วยลดความแปรปรวนของสีและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต สีย้อมสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่สีย้อมธรรมชาติและสีสังเคราะห์ สีย้อมธรรมชาติ ต้องใช้ปริมาณสีที่สูงกว่าสีย้อมสังเคราะห์ เพื่อให้ได้เฉดสีที่คล้ายคลึงกัน เมื่อใช้สีย้อมธรรมชาติ การใช้เครื่องวัดสีสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายทิ่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น สำหรับเนื้อผ้าแบบผสม : การรวมกันของเส้นใยสามารถเปลี่ยนลักษณะของสีได้เนื่องจากความสามารถในการดูดซับสีย้อมของเส้นใยที่แตกต่างกัน การตรวจสอบสีของเนื้อผ้าในระหว่างกระบวนการนี้จะสามารถช่วยควบคุมคุณภาพของสีที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ เทคนิคแนะนำสำหรับการวัดสีของสิ่งทอ สำหรับการวัดเส้นใย : แนะนำให้เตรียมตัวอย่างในรูปแบบม้วนด้ายหรือทำให้เส้นใยมีปริมาณมากพอที่จะครอบคลุมพื้นที่หัววัดของเครื่องวัดสี สำหรับการวัดผ้า : แนะนำให้พับ 2-4 ชั้น เพื่อให้เนื้อผ้ามีความทึบแสงและป้องกันไม่ให้แสงผ่านเข้ามา ใช้พื้นที่การวัดขนาดใหญ่ (เช่น พื้นที่การวัดขนาด Φ 30 มม.) เพื่อการวัดซ้ำที่แม่นยำ การวัดหลายครั้งในหลายๆจุด และใช้ข้อมูลเฉลี่ยเพื่อให้ค่าสีที่ถูกต้อง เครื่องมือวัดสี Konica Minolta Spectrophotometer CM-3600A /CM-3610A and CM-26d สามารถช่วยผู้ใช้ในการวัดสีสิ่งทอได้อย่างง่ายดาย สำหรับสิ่งทอที่ผสมสารเพิ่มความขาว (optical brightening agent) ทั้ง CM-3600A และ CM-26d นั้นสามารถวัดการเรืองแสงของความขาวได้อย่างแม่นยำ CM-3600A CM-3610A CM-26d หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีและแสงของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีและแสงของเรา ให้เราช่วยคุณในการเลือกวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในการวัดของคุณสามารถติดต่อเพื่อข้อมูลหรือคำแนะในการกำหนดขั้นตอนการวัดค่าสีและแสงเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์…
-
-
ทำไมพ่นสีแล้วพื้นผิวงานคล้ายกับผิวเปลือกส้ม?
Orange peel หรือ ผิวเปลือกส้ม เป็นลักษณะที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างกระบวนการเคลือบหรือพ่นสีเมื่อเราดูที่ผิวของเปลือกผลส้มจะปรากฎเป็นลักษณะเป็นคลื่น, บิดเบี้ยวและไม่สม่ำเสมอ ซึ่งลักษณะของผิวเปลือกส้มนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ การใช้เทคนิคพ่นสีที่ไม่ถูกต้อง, ความผิดพลาดจากอุปกรณ์พ่นสี เช่น หัวพ่น, ความดันที่ใช้ในการพ่น, สารประกอบหรือ สารเติมแต่งที่ระเหยเร็วเกินไป หรือแม้กระทั่งปริมาณสีที่ใช้พ่นที่มากหรือน้อยเกินความเหมาะสม อุตสาหกรรมสำคัญที่ควรคำนึงถึงปรากฎการณเกิดพื้นผิวเปลือกส้ม หรือ Orange peel ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์, กลุ่มผู้ผลิตสีหรือเกี่ยวข้องกับการพ่น/เคลือบสี, ผู้ผลิตชิ้นส่วนเคลือบโครเมียม หรือแม้แต่ผู้ผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ ผิวเปลือกส้ม สามารถตรวจสอบได้โดยใช้ค่าการบอกปริมาณการเกิดผิวเปลือกส้ม ที่เรียกว่า ค่า DOI (Distinctiveness of Image) หรือ Reflected Image Quality (RIQ) ซึ่งจะบอกคุณภาพของค่าการสะท้อน โดยมีสเกลตั้งแต่ 0 – 100 ซึ่งยิ่งมีค่ามากนั่นหมายความว่าคุณภาพของพื้นผิวดี เกิดผิวเปลือกส้มในปริมาณที่น้อย จากภาพจะเห็นได้ว่า sample ที่ 1-4 (เรียงจากซ้ายไปขวา) สีและค่าความเงาของแผ่นใกล้เคียงกัน แต่คุณภาพพื้นผิวที่ เรียกว่า ผิวเปลือกส้มแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตรงกับค่าการวัดดังตารางด้านล่างซึ่งสามารถบอกได้ด้วยค่า DOI และ RIQ Rhopoint IQ-S ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการตรวจสอบข้อบกพร่องของพื้นผิวเปลือกส้มหรือพื้นผิวที่มีความขุ่นสามารถวัดลักษณะพื้นผิวภายนอก, ความเงา, ความขุ่น…
-
จอแสดงผลรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าจำนวนล้อรถยนต์
จอแสดงผลในรถยนต์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในรถยนต์รุ่นใหม่เทรนของการนำเทคโนโลยีการดูข้อมูลทางจอแสดงผลของผู้ขับขี่และผู้โดยสารนี้กำลังเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในความเป็นจริงแล้วนั้นมีการคาดการณ์ว่าตลาดของหน้าจอแสดงผลในรถยนต์จะเติบโตขึ้น 19% ต่อปี (CAGR) อย่างไรก็ตามภายในปี 20261 จะมีการเพิ่มขึ้นถึง 65% ของจอแสดงผลรถยนต์ในระหว่างปี 2016 ถึง 2021 ภาพด้านซ้าย : แบบจำลองหน้าจอแสดงผลต่างๆภายในห้องโดยสารรถยนต์ร่วมกับ ADAS (ระบบช่วยเหลือประมวลผลวิสัยทัศน์รอบตัวรถให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น) รวมไปถึงหน้าจอแสดงผลบนพวงมาลัย, จอแสดงผลบนกระจกหน้า (HUD) และกระจกมองข้างรถที่มีระบบการตรวจจับด้วยกล้อง (camera monitoring system: CMS) จอแสดงผลกำลังมีการพัฒนาเพื่อนำไปใช้ภายในส่วนต่างๆของรถยนต์ ดังเช่น แผงหน้าปัด/แผงควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องโดยสาร จอแสดงผลบนกระจกหน้ารถยนต์ จอแสดงผลบนพวงมาลัยขับเคลื่อน จอแสดงผลระบบแผงควบคุม, ข้อมูลและความบันเทิงบนคอนโซลกลาง ประกอบด้วย ข้อมูลการนำทาง การควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ระบบควบคุมเสียง/วิทยุ ฟังก์ชันอื่นๆของรถยนต์ เช่น กล้องแสดงภาพในขณะที่รถถอยหลัง กระจกมองด้านหลังและด้านข้างรถที่มีระบบการตรวจจับด้วยกล้อง (CMS) NOTE: ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกาจะมาพร้อมกับกล้องตรวจจับของกระจกมองด้านหลัง และสามารถหาซื้อและติดตั้งได้ในรถยนต์รุ่นที่ออกมาก่อน จอแสดงความบันเทิงด้านหลังเบาะสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง จอแสดงผลระบบแผงควบคุมบนคอนโซลกลางของ Porsche 916 Spider (ซ้าย) และ Tesla…
-
วิธีการวัดสีของไอศกรีม
ไอศกรีมเป็นของหวานทำมาจากนม, ครีม และเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ทั่วโลกซึ่งมีรสชาติที่หลากหลายและการส่วนผสมต่างๆเช่น ผลไม้, โกโก้ และสี ซึ่งมีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคดังนั้นการวัดสีและการควบคุมสีของไอศกรีมจึงเป็นสิ่งจำเป็น การนำวิธีการจัดการสีไปใช้ตลอดกระบวนการผลิตไอศกรีมช่วยให้ผู้ผลิตปรับปรุงคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพ สีของส่วนผสมที่มีอิทธิพลสีโดยรวมของไอศครีม ดังนั้นการตรวจสอบว่าค่า L * a * b * ค่าอยู่ในช่วงที่ต้องการช่วยลดความแปรปรวนของสี เนื่องจากไอศกรีมมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพอย่างต่อเนื่องเมื่อละลายจึงแนะนำให้วัดสีของไอศกรีมในสถานะของเหลวเพื่อให้ได้การประเมินที่แม่นยำและสม่ำเสมอ Konica Minolta Spectrophotometer CM-5 สามารถทำการวัดได้ทั้งการสะท้อนแสงและการส่งผ่านซึ่งสามารถวัดตัวอย่างได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมที่เป็นของแข็งมหรือส่วนผสมของไอศครีมเหลว อุปกรณ์เสริมที่หลากหลายเพื่อสามารถเลือกใช้ให้หมาะกับตัวอย่าง หากสนใจรายละเอียดสามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาฟรีเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการวัดสีและการวัดแสง ได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้คะ
-
การควบคุมเฉดสีในเครื่องสำอางกลุ่มครีมรองพื้น
ในตลาดเครื่องสำอางในปัจจุบันความต้องการความหลากหลายเฉดสีพื้นฐานเป็นปัจจัยสำคัญเนื่องจากโทนสีผิวของกลุ่มผู้บริโภคมีหลากหลายและเพื่อรองรับโทนสีผิวทุกประเภท สำหรับผู้บริโภคเมื่อมีเฉดสีใช้ได้กับโทนสีผิวแล้วนั้น กลุ่มผู้บริโภคมักจะใช้โทนสีเดิมของสินค้าแบรนด์นั้น สำหรับผู้ผลิตจึงมีเฉดสีที่สามารถใช้กับโทนสีผิวที่หลากหลายเหล่านี้ในการผลิตการควบคุมเฉดสีและความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์จึงเป็นเครื่องที่ความจำเป็น เม็ดสีเช่นไททาเนียมไดออกไซด์และซิงค์ออกไซด์เป็นส่วนผสมหลักที่ให้สีของรองพื้น ยิ่งปริมาณเม็ดสีที่ใช้มากขึ้นเท่าไหร่เฉดสีรองพื้นก็จะเข้มขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับส่วนผสมอื่นๆเพิ่มเติม แม้กระทั่งสารป้องกันรังสียูวีก็สามารถมีอิทธิพลต่อสี การวัดสีของครีมรองพื้นไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของครีม, แป้งรองพื้นอัดแข็ง/ผง หรืออิมัลชันต้องใช้วิธีการวัดที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้ได้ข้อมูลสีที่เชื่อถือได้ การวัดในรูปแบบผง วัดได้ดีที่สุดโดยใช้วิธีการสะท้อนแสง ในขณะที่ของเหลวขึ้นอยู่กับระดับความโปร่งใสนั้นวัดได้ดีที่สุดโดยใช้วิธีการส่งผ่านหรือการสะท้อนแสง เนื่องจากความแตกต่างระหว่างเฉดสีอาจมีความละเอียดอ่อนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรองพื้นที่มีเฉดสีที่หลากหลายการสร้างขอบเขตของเฉดสีจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการรับรองความถูกต้องและความสม่ำเสมอของเฉดสี Konica Minolta Spectrophotometer CM-5สามารถในการวัดทั้งการสะท้อนแสงและการส่งผ่านซึ่งเป็นโซลูชันที่คุ้มค่ามีอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อคลอบคลุมตัวอย่างที่หลากหลายรูปแบบ หากสนใจรายละเอียดสามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาฟรีเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการวัดสีและการวัดแสง หรือสาธิตการใช้งานเครื่องวัดสี Spectrophotometer CM-5 ได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้คะ
-
การวัดสีของสีย้อมผม
ปัจจุบันการย้อมผมได้กลายเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีตามแฟชั่นหรือต้องการปกปิดผมขาวและผมเทา ผลิตภัณฑ์สีย้อมผมทั้งแบบถาวรหรือแบบชั่วคราวนั้นมีหลายเฉดสี มีผลการวิจัยที่แพร่หลายที่เกี่ยวกับการรวมกันของสารเคมีหลายประเภท สำหรับผู้ผลิตสีย้อมผมต้องทำการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ แต่ยังมันใจได้ว่ามันจะผลิตสีย้อมผมที่ถูกต้องและความมันเงาได้ตามที่ต้องการในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากการประเมินสีย้อมผมด้วยสายตา เพื่อประสิทธิภาพของสีและความคงทนของสีแล้ว การใช้เครื่องวัดสีสามารถให้ข้อมูลสีที่ตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตระบุความแตกต่างของเฉดสีได้ คำแนะนำในการวัดสีของสีย้อมผม มัดผมเป็นกระจุกเพื่อสร้างความหนาให้มีขนาดใหญ่พอที่จะสามารถครอบคลุมหัววัดของเครื่องวัดสีได้ใช้แรงที่สม่ำเสมอโดยใช้แผ่นกระเบื้องสีขาวสำหรับการวัดแต่ละครั้งปัญหาที่ผู้ผลิตต้องเผชิญเป็นประจำคือความยากลำบากในการวัดสีย้อมผมจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกเครื่องมือวัดสีที่เหมาะสมเช่น Spectrophotometer CM-5 และ Spectrophotometer CM-700d โดยใช้จิ๊กจับชิ้นงานทำให้สามารถวัดได้ง่ายขึ้นทำให้การวัดสีของสีย้อมผมและการประเมินความคงทนของสีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาและกระบวนการจัดการสีของคุณหรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสีของเราและให้เราช่วยคุณในการเลือกวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในการวัดของคุณสามารถติดต่อเพื่อข้อมูลหรือคำแนะในการกำหนดขั้นตอนการวัดค่าสีและแสงเพิ่มเติมได้ที่ อีเมล [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้คะ
-
ความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดค่าสีแบบ SCIและSCE
ลักษณะของพื้นผิวของตัวอย่างที่วัดมีผลต่อการวัดค่าสีของวัตถุ วัตถุที่มีผิวมันวาว (high-gloss surface) เราจะมองเห็นสีมีความอิ่มตัวมากกว่าตัวอย่างที่มีผิวมันวาวน้อยกว่า (non-glossy) ตัวอย่างที่มีผิวมันเงาน้อยเราจะมองเห็นสีของวัตถุชิ้นนั้นเป็นสีทึมๆหรือดูไม่อิ่มตัว Specular Light คือแสงที่มุมตกกระทบเท่ากับแสงที่มุมสะท้อน คล้ายกับการเด้งกลับของลูกบอลที่กระทบกับกำแพง ซึ่งจะพบมากในวัตถุที่มีพื้นผิวมันวาวและพื้นเรียบและแสงที่กระจายออกจากวัตถุทุกทิศทาง เราจะเรียกแสงนั้นว่า Diffuse Light จะเกิดขึ้นมากในวัตถุที่เป็นพื้นผิวหยาบ (ไม่มันวาว) และพื้นไม่เรียบ การวัดสีที่ต้องการเฉพาะเนื้อสีของวัตถุ ไม่สนใจพื้นผิวว่าจะมันวาวหรือผิวหยาบ แนะนำให้ใช้โหมดการวัดสีแบบ SCI (Specular Component Included) ซึ่งการวัดโหมดสี จะเป็นการวัดสีที่รวมแสงทั้ง 2 ลักษณะ (Specular Light และ Diffuse Light) เป็นวิธีวัดสีที่ใช้ในการกระบวนการ Color matching และควบคุมคุณภาพของสี การวัดสีจะรวมแสงสะท้อนสเปกคูลาร์เมื่อช่องดักแสงปิด เซ็นเซอร์จะรับทั้งค่าแสงกระเจิงและแสงสเปกคูลาร์ SCI เหมาะกับการแยกแยะส่วนประกอบของสีในครั้งแรกก่อนที่จะเริ่มการผลิต …
-
ปรากฏการณ์Metamerismในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
ปรากฏการณ์ Metamerism คือ ปรากฏการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อเราเห็นสีของวัตถุ 2 ชิ้น เหมือนกันภายใต้แหล่งกำเนิดแสงเดียวกัน แต่สีของวัตถุทั้ง 2 ชิ้นนั้นกลับแตกต่างกัน เมื่อเปลี่ยนแหล่งกำเนิดแสงไปเป็นอีกแหล่งกำเนิดแสงหนึ่ง ซึ่งการเกิดปรากฏการณ์นี้ สร้างความยากสำหรับการควบคุมคุณภาพสีของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยสาเหตุเกิดจากการเลือกใช้เม็ดสี (pigment) สีย้อม (dyestuff) หรือวัตถุดิบ (material) ที่แตกต่างกัน การเลือกใช้แม่สีให้เหมือนเดิมทุกครั้งสำหรับการผสมสูตรสีเพื่อหลีกเลี่ยงปรากฎการณ์ Metamerism นั้น แทบจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากลักษณะของวัตถุที่ต่างกัน เช่น พื้นผิวของวัตถุที่เป็นกระดาษ , พื้นผิวพลาสติก, พื้นผิวชุบสีหรือพ่นสี การกำหนดกระบวนการกำหนดสูตรสี จึงเป็นส่วนที่จะช่วยให้เกิดปรากฎการณ์ Metamerism น้อยที่สุด เครื่องมือวัดสีแบบ Spetrophotometer ซึ่งสามารถให้ค่าสเปกตรัมของการสะท้อนค่าสี สามารถช่วยในการบ่งบอกและเปรียบเทียบปรากฎการณ์ Metamerism ได้ เมื่อเส้นโค้งของสเปกตรัมของวัตถุทั้งสองชนิดเข้าใกล้กัน วัตถุทั้งสองชนิดนั้นจะถูกพิจารณาว่าเกิดปรากฎการณ์ Metamerism และเมื่อเชื่อมต่อเครื่องมือกับ Color QC Software Metamerism Index (MI) จะถูกคำนวณออกมาเป็นดัชนีความแตกต่างระหว่างวัตถุสองชนิด เพื่อระบุโอกาสในการเกิด Metamerism สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมการสาธิตการใช้งานเครื่องแบบ Spetrophotometer และ Color QC Software ได้ที่ [email protected] เบอร์…
-
การวัดสีภายนอกรถยนต์สำหรับบริเวณพื้นที่ขนาดเล็กและมีผิวโค้ง
สำหรับผู้ผลิตยานยนต์การผลิตสีของตัวรถให้มีความสม่ำเสมอและใกล้เคียงกันในบริเวณพื้นที่ของชิ้นงานที่อยู่ติดกันไม่เพียงแต่เป็นการการันตีคุณภาพของรถเท่านั้นแต่ยังส่งผลถึงคุณภาพของแบรนด์และความน่าเชื่อถือของรถยนต์ยี่ห้อนั้นด้วยซึ่งความยากหนึ่งของกระบวนการผลิตคือการวัดสีสำหรับชิ้นงานส่วนที่เล็กและโค้ง เมื่อต้องการวัดสีของชิ้นงานที่มีพื้นที่ขนาดเล็กหรือมีผิวโค้ง ดังเช่น เสาอากาศ กระจกข้าง และมือจับประตู ลักษณะพื้นผิวโค้งของตัวชิ้นงานทำให้เกิดความยากต่อการจัดวางเครื่องมือสำหรับการวัดให้เหมาะสม เกิดเป็นช่องว่างขนาดเล็กที่ไม่แนบสนิทกับชิ้นงาน ส่งผลให้ค่าสีที่วัดได้มีความไม่น่าเชื่อถือและไม่เที่ยงตรง ดังนั้น เครื่องมือวัดที่มีพื้นที่สำหรับการวัดขนาดเล็ก จึงมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก Spectrophotometer CM-M6 เป็นเครื่องมือวัดสีที่มีพื้นที่การวัดเพียง 6 mm ง่ายต่อการวัดสีเมทัลลิก ให้ค่าการวัดสีทั้งหมด 6 มุม ประกอบไปด้วยมุม -15 °, 15 °, 25 °, 45 °, 75 °และ 110 ° ครอบคลุมการวัดสีที่มีลักษณะของสีที่เปลี่ยนไปตามมุมที่สนใจ รวมทั้งครอบคลุมการวัดชิ้นงานสีเมทัลลิกที่มีขนาดเล็กและพื้นผิวโค้งอีกด้วย นอกจากนี้ Spectrophotometer CM-M6 ยังถูกออกแบบมาพร้อมระบบที่เรียกว่า double-path โดยสามารถให้มุมของแหล่งกำเนิดแสงต่อมุมมองของเครื่องมือแบบทั้ง 2 ด้าน ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้ การวัดสีของชิ้นงานที่มีลักษณะโค้งแม่นยำและเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น (r > 300) สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมสาธิตการใช้งานเครื่อง Spectrophotometer CM-M6 ได้ที่ [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้คะ
-
การวัดสารเติมแต่งสีเครื่องสำอาง
สารเติมแต่งสีมีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดเฉดสีใหม่ๆของเครื่องสำอางมากมายในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางส่วนใหญ่ผลิตขึ้นโดยใช้สารเติมแต่งสีที่หลากหลายเนื่องจากเฉดสีที่หลากหลายของสารเติมแต่งสีมีความใกล้เคียงในแต่ละชุดการใช้สารเติมแต่งสีที่หลากหลายจะช่วยให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางและนักเคมีสามารถสร้างเฉดสีที่ต้องการ และได้สีที่สม่ำเสมอ เช่นนั้นแล้ว เครื่องวัดสีจึงมีประโยชน์ในการกำหนดอัตราส่วน สารเติมแต่งสีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสามารถใช้เป็น เม็ดสี, สีย้อม, หรือส่วนผสมของทั้งสองแบบสีย้อมสามารถละลายน้ำได้และให้สีด้วยการดูดซับแสงเม็ดสีมักจะไม่ละลายน้ำและเปลี่ยนสีได้ด้วยการดูดซับและกระจายแสง พื้นผิวของสารเติมแต่งเหล่านี้มีหลายรูปแบบ เช่น ผง, เม็ด หรือของเหลว สำหรับแต่ละรูปแบบจำเป็นต้องมีโหมดการวัดที่เป็นโหมดเฉพาะไม่ว่าจะเป็นการวัดแบบส่องผ่าน (transmittance) หรือการวัดแบบสะท้อน (reflectance) เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสีที่ได้มีความถูกต้องและสามารถวัดซ้ำได้ ครื่องวัดสี Konica Minolta Spectrophotometer รุ่น CM-5 สามารถวัดได้ทั้ง 2 โหมด คือ การวัดแบบสะท้อน (reflectance) และการวัดแบบส่องผ่าน (transmittance) ซึ่งให้ความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเรื่องสีสำหรับผู้ผลิตเครื่องสำอางและนักเคมี ดาวน์โหลดคู่มือของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นฐานของการวัดสี สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมการสาธิตการใช้งานเครื่องวัดสี Konica Minolta Spectrophotometer รุ่น CM-5 ได้ที่ [email protected] เบอร์ 02-361-3730 หรือ 092-384-4664 Line : https://lin.ee/6cpcTtD หรือสแกน QR code ด้านข้างนี้คะ